ถ้าถามคนส่วนใหญ่ว่า “ธงมหาราช” คืออะไร
ผมเชื่อเหลือเกินว่าก็คงจะมีเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่รู้จัก แต่ถ้าถามว่ารู้จัก“ธงรูปครุฑ” หรือไม่ เชื่อเหลือเกินว่าร้อยทั้งร้อยก็ตอบว่ารู้
และรู้ด้วยว่าจะต้องประจำอยู่ ณ ที่พระมหากษัตริย์ประทับ นั่นล่ะครับ คือ ธงมหาราช
ก่อนที่จะไปเรื่องของธงมหาราช
ผมต้องพูดถึงธงพระอิสริยยศ ของแต่ละลำดับชั้นก่อนว่าหมายถึง
ลำดับชั้นไหนอย่างไรบ้าง
ธงพระอิสริยยศ หมายถึง
ธงที่ใช้หมายพระอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ตามลำดับชั้นต่างๆใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินหรือเสด็จในพิธีการต่างๆอย่างเป็นทางการ โดยในประเทศไทยจะแบ่งธงพระอิสริยยศเป็น
๗ ประเภท แต่ละประเภทยังแบ่งธงออกเป็นประเภทละ ๒ ชนิด (คือชนิดใหญ่ (Standard) และชนิดน้อย (Board
pennant)) รวมทั้งสิ้น ๑๔ ธง คือ
• ธงมหาราช
(ธงสำหรับองค์พระมหากษัตริย์)
• ธงราชินี
(ธงสำหรับองค์สมเด็จพระราชินี)
• ธงบรมราชวงศ์
(ธงสำหรับองค์สมเด็จพระบรมราชชนนี)
• ธงเยาวราชฝ่ายหน้า
(ธงสำหรับองค์สมเด็จพระยุพราช)
• ธงเยาวราชฝ่ายใน
(ธงสำหรับองค์พระวรชายาแห่งสมเด็จพระยุพราช)
• ธงราชวงศ์ฝ่ายหน้า
(ธงสำหรับองค์พระราชโอรส สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอหรือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
แห่งพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาล)
• ธงราชวงศ์ฝ่ายใน
(ธงสำหรับองค์พระราชธิดา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอหรือสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ
แห่งพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาล)
ธงมหาราช (ธงสำหรับองค์พระมหากษัตริย์)
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้า ฯ ให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงธงราชอิสริยยศ โดยตราเป็นพระราชบัญญัติธง ร.ศ. ๑๒๙
(พ.ศ.๒๔๕๓) เปลี่ยนรูปร่างลักษณะและสีของธงมหาราชใหม่ เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
พื้นสีเหลือง ตรงกลางมีรูปครุฑพ่าห์สีแดง ธงมหาราชใหม่นี้มี 2 ชนิดคือ
ธงมหาราชใหญ่ และธงมหาราชน้อย
ธงมหาราชใหญ่
ผืนธงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
พื้นธงสีเหลือง มีรูปครุฑสีแดงอยู่กลาง
ธงมหาราชน้อย
ผืนธงตอนต้นมีลักษณะ
และสีเช่นเดียวกับธงมหาราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน ๖๐ เซนติเมตร ตอนปลายเป็นชายต่อสีขาว
แปลงเป็นรูปธงยาวเรียว ปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของตอนต้น ปลายธงตัดแฉกรูปหางนกแซงแซว
ลึก ๓ ใน ๘ ส่วน ของความยาวผืนธง ความยาวผืนธงเป็น ๘ เท่าของความยาวตอนต้น
ธงนี้เมื่อใช้แทนธงมหาราชใหญ่ เป็นเครื่องแสดงให้ทราบว่า โปรดเกล้า ฯ
ให้งดการยิงสลุตถวายคำนับ
ธงเยาวราช
(ธงสำหรับองค์สมเด็จพระยุพราช)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ
ให้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ผืนธงเป็นสีขาบ มีขนาดกว้าง ๕ ส่วน
ยาว ๖ ส่วน เครื่องหมายที่กลางธง เช่นเดียวกับธงราชธวัชสยามินทร์ คือ มีพระมหามงกุฎ
โล่ตราแผ่นดิน แต่ลดฉัตร ๗ ชั้น สองข้างเป็นฉัตร ๕ ชั้น บัญญัติไว้ว่า
สำหรับเป็นเครื่องหมายในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้บัญญัติรูปลักษณะธงเยาวราช
โดยยกเลิกเครื่องหมายพระมหามงกุฎ โล่ตราแผ่นดิน ฉัตร ๕ ชั้น และกำหนดลักษณะกลางธง
เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสสีเหลือง มีครุฑพ่าห์สีแดงอยู่กลาง เช่นเดียวกับธงมหาราช
ธงเยาวราชมีอยู่ ๒ แบบคือ ธงเยาวราชใหญ่ และธงเยาวราชน้อย
ธงเยาวราชใหญ่
ผืนธงเป็นรูปสีเหลี่ยมจตุรัส
พื้นธงมี ๒ สี รอบนอกเป็นสีขาบ รอบในเป็นสีเหลือง
ขนาดความกว้างยาวเป็นครึ่งหนึ่งของรอบนอก มีรูปครุฑพ่าห์อยู่ตรงกลาง
ธงเยาวราชน้อย
ผืนธงตอนต้น
มีลักษณะและสี เช่นเดียวกับธงเยาวราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน ๖๐ เซนติเมตร
ตอนปลายเป็นชายต่อสีขาบ เป็นรูปธงยาวเรียว ตอนปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของตอนต้น ปลายธงตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซว
ลึก ๓ ใน ๘ ส่วน ของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงยาวเป็น ๘ เท่า
ของความกว้างของตอนต้น ธงนี้เมื่อใช้แทนธงเยาวราชใหญ่ เป็นเครื่องแสดงให้ทราบว่า
โปรดเกล้า ฯ ให้งดการยิงสลุตถวายคำนับ
และเมื่อวันที่
๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงราชย์ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของ
สนช.แล้วนั้น ธงมหาราชที่เคยโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือพระตำหนักจิตรลดารโหฐานอันเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ ๙ ก็ได้ถูกย้ายมายังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
โดยเมื่อเวลา ๐๘.00 น. ของวันที่ ๒
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ รศ.๒๓๕ ธงเยาวราช ซึ่งเป็นเครื่องหมายในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร ได้ถูกเชิญลงจากยอดเสาหน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
พร้อมทั้งเชิญ “ธงมหาราช” ซึ่งเป็นธงพระราชอิสริยยศประจำพระองค์พระมหากษัตริย์
ขึ้นสู่ยอดเสาแทน ในเวลา ๐๘.๐๐ น. หลัง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่
๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี ทรงตอบรับการขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์
หมายความว่า ถ้าเราเห็นธงมหาราช
เด่นตระหง่านอยู่ ณ สถานที่แห่งใดก็ตาม สถานที่แห่งนั้น เป็นที่ประทับขององค์พระมหากษัตริย์
นั่นเอง
หมายเหตุ : ขอขอบคุณภาพจากไทยรัฐออนไลน์